JDE Peet’s รายงานผลประกอบการครึ่งแรกของปี 2563 ยังแข็งแกร่ง

Logo

การดำเนินงานที่แข็งแรงสะท้อนความสามารถในการฟื้นตัวของธุรกิจและและแบรนด์  

  • การเติบโตของยอดขายสินค้ากลุ่ม in-home (CPG) ที่เป็นสถิติใหม่ ขับเคลื่อนโดยตลาดที่พัฒนาแล้ว
  • ผลประกอบการสินค้า CPG โดยส่วนใหญ่นำไปชดเชยสินค้ากลุ่ม away-from-home
  • มีการฟื้นตัวที่ดีในสินค้ากลุ่ม away-from-home นับตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นมา
  • EBIT ที่ปรับปรุงแล้วโต 10.5% แตะ 642 ล้านยูโร
  • กำไรพื้นฐานเพิ่ม 12.0% กำไรต่อหุ้นพื้นฐานอยู่ที่ 0.791 ยูโร
  • สัดส่วนหนี้สิ้นดีขึ้น 3.4 เท่า จากอยู่ที่ 4.2 เท่าเมื่อสิ้นสุดปีงบประมาณ 62
  • การเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกเสร็จสมบูรณ์

อัมสเตอร์ดัม–(BUSINESS WIRE)–04 สิงหาคม 2563

สารจาก Casey Keller ซีอีโอแห่ง JDE Peet’s

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีลักษณะเป็นมัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200803005830/en/

“JDE Peet’s สร้างผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการฟื้นตัวของธุรกิจและแบรนด์ของเรา แม้จะต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันทางด้านเศรษฐกิจและสังคมอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนจากเหตุการณ์ COVID-19 กลุ่มธุรกิจกาแฟและชาที่มีความสมดุลของเราช่วยให้เราสามารถปรับตัวต่อพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของผู้บริโภคได้อย่างทันท่วงที สืบเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของการบริโภคเครื่องดื่มชากาแฟจากภายนอกมาสู่ภายในบ้าน ในช่วงต้นของการเกิดวิกฤต ทีมของเราใช้ขั้นตอนเชิงรุกในการสร้างความมั่นใจด้านสุขภาพและความปลอดภัยให้กับพนักงานทั่วโลก รวมถึงปกป้องการดำเนินธุรกิจของเราเพื่อให้เราสามารถให้บริการลูกค้าและผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง แม้สภาพแวดล้อมและมีความไม่แน่นอน เรายังสามารถสร้างรายได้ก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT) ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง สะท้อนถึงการมุ่งเน้นความสำคัญไปที่เรื่องใดเรื่องหนึ่งของเราและวิธีในการจัดการต้นทุนที่มีวินัยของเรา นอกจากนี้ เป้าหมายในการลดสัดส่วนหนี้สินต่อรายได้ของเรายังเป็นไปตามแผน โดยตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นมา เราได้เห็นการฟื้นตัวที่ดีในธุรกิจกลุ่ม away-from-home ขณะที่ตลาดในประเทศเริ่มฟื้นตัวจากการล็อคดาวน์ ด้วยพอร์ตโฟลิโอสินค้าและช่องทางที่แข็งแกร่งของเรา เราจึงอยู่ในสถานะที่จะเดินหน้าคว้าส่วนแบ่งตลาดมาครองได้ เพราะเราสามารถหันมาตอบสนองความต้องการและโอกาสของลูกค้าและผู้บริโภคในทั่วทุกมุมโลกได้”

ภาพรวม

ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 JDE Peet’s ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 ซึ่งนำมาสู่เหตุการณ์ที่ทั้งบริษัทของเรา พนักงาน ลูกค้า รวมทั้งซัพพลายเออร์ไม่เคยประสบมาก่อน ตลอดช่วงวิกฤตที่เกิดขึ้น สิ่งที่เราให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง นั่นก็คือการสร้างความเชื่อมั่นด้านสุขภาพและความปลอดภัยให้กับพนักงานของเรา รวมถึงการทำให้ธุรกิจสามารถเดินหน้าได้ต่อเนื่อง บริษัทของเราและสินค้ากลุ่มกาแฟและชาในวงกว้างยังแสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งแม้ในช่วงที่เกิดวิกฤต COVID-19 ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจทั่วโลก เครือข่ายการผลิตและอุปทานของเราทั่วโลก แบรนด์มากมายที่ได้รับความไว้วางใจ และวิธีการเข้าถึงตลาดที่มีความหลากหลายและแข็งแกร่งของเรา เมื่อรวมกันแล้ว เราจึงอยู่ในตำแหน่งที่จะต้านทานและผ่านความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในอนาคตไปได้

ขณะที่ความไม่แน่นอนในอนาคตอันเป็นผลกระทบจาก COVID-19 อาจส่งผลต่อตลาดทั่วโลก เรากลับมองเห็นสัญญาณบวกในการฟื้นตัวนับตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นมา ซึ่งหลาย ๆ ตลาดเริ่มกลับมาเปิดอีกครั้ง หากแนวโน้มยังเป็นไปในทิศทางนี้ เราคาดว่าจะได้เห็นการเติบโตของยอดขายที่แท้จริงสำหรับปีงบประมาณ 63 นี้ในทิศทางบวก เรายังคาดหวังว่าการเติบโตของกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีที่ได้ทำการปรับภาษีแล้วสำหรับปีงบประมาณ 63 จะอยู่ในช่วงการเติบโตในระยะกลางและระยะยาวที่ 5-8% จากการตลาดและการจัดโปรโมชันที่เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งที่สองของปี เรายังอยู่ในทิศทางในการลดหนี้ให้ต่ำกว่า 3 เท่าของหนี้สุทธิต่อกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีที่ได้ทำการปรับภาษีแล้วได้ตามเป้าหมายภายในครึ่งปีแรกของปี 2564

1 กำไรพื้นฐาน (ต่อหุ้น) ไม่รวมรายการที่มีการปรับแก้ทั้งหมด (กำไรสุทธิหลังหักภาษี) ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถดูได้จากงบการเงินระหว่างกาล ข้อมูลต่อหุ้นคำนวณจากจำนวนหุ้นเฉลี่ยที่คำนวณไว้ล่วงหน้าที่ 499 ล้าน

สถานการณ์เกี่ยวกับ COVID-19

ตั้งแต่เกิดการระบาดของ COVID-19 เราได้กำหนดมาตรการป้องกันเชิงรุกเพื่อสร้างความมั่นใจด้านสุขภาพและความปลอดภัยให้กับพนักงาน และปกป้องธุรกิจให้สามารถเดินหน้าต่อได้ เรายังได้บริจาคกาแฟและชากว่า 20 ล้านชุดให้กับผู้ปฏิบัติงานด้านสาธารณสุขและธนาคารอาหารผ่านแบรนด์ต่าง ๆ ของเรา

มาตรการของรัฐบาลทั่วโลกในการลดการแพร่ระบาดของโรคได้นำมาสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดในเรื่องการบริโภคกาแฟและชาที่เปลี่ยนจากการบริโภคนอกบ้านมาเป็นการบริโภคในบ้าน รวมถึงยอดขายจากช่องทางอีคอมเมิร์ซที่พุ่งสูงขึ้น แนวโน้มนี้สนับสนุนการดำเนินธุรกิจ CPG ส่วนใหญ่ของเรา โดยเฉพาะในตลาดที่พัฒนาแล้ว แต่ธุรกิจกลุ่ม away-from-home นั้นได้รับผลกระทบ สำหรับธุรกิจโดยรวม เดือนเมษายนและพฤษภาคมเป็นช่วงที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด นับตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นมา เราได้เห็นการฟื้นตัวที่ดีในธุรกิจ away-from-home ของเรา

ทีมงานของเรายังคงติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างใกล้ชิด รวมถึงผลกระทบที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤตกรรมของผู้บริโภค เพื่อติดตามลูกค้าและความต้องการของผู้บริโภคและปรับเปลี่ยนการดำเนินธุรกิจของเราให้สอดคล้องต่อไป

สรุปด้านการเงินในช่วงครึ่งแรกของปี 2563

หน่วยเป็นล้านยูโร

ครึ่งปีแรก

ยอดขายที่แท้จริง

(ยกเว้นระบุไว้เป็นอย่างอื่น)

2020

2019

เปลี่ยนแปลง

เปลี่ยนแปลง

ยอดขาย

3,236

3,332

-2.9

%

-1.1

%

กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีที่ได้ทำการปรับภาษีแล้ว

642

588

9.1

%

10.5

%

กำไรพื้นฐานในช่วงเวลา

393

351

12.0

%

กำไรต่อหุ้นพื้นฐาน1,2 (EUR)

0.79

กำไรต่อหุ้นที่รายงาน (EUR)

0.44

กำไรพื้นฐาน (ต่อหุ้น) ไม่รวมรายการที่มีการปรับแก้ทั้งหมด (กำไรสุทธิหลังหักภาษี)

2 คำนวณจากจำนวนหุ้นเฉลี่ยที่คำนวณไว้ล่วงหน้าที่ 499 ล้าน

ครึ่งแรกของปี 63 ยอดขายรวมลดลง 1.1% เมื่อดูจากยอดขายที่เกิดขึ้นจริง ยอดขาย CPG ยังคงโตต่อเนื่องในทุกกลุ่ม ซึ่งเข้ามาชดเชยผลกระทบจาก COVID-19 ต่อธรุกิจกลุ่ม away-from-home ที่ยอดขายลดลง 25% การเติบโตของยอดขายที่แท้จริงสะท้อนมูลค่าของราคา/ผสมระหว่าง -0.9% และ -0.2% กำไรสุทธิจากการซื้อหุ้นช่วยให้ยอดขายเพิ่มขึ้น 0.1% ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศส่งผลในทางลบที่ 1.8% ยอดขายรวมที่รายงานทั้งหมดลดลง 2.9% มาอยู่ที่ 3,236 ล้านยูโร

กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีที่ได้ทำการปรับภาษีแล้วเพิ่มขึ้น 10.5% มาอยู่ที่ 642 ล้านยูโร ขับเคลื่อนด้วยการเติบโตด้วยตัวเลขสองหลักในสินค้ากลุ่ม CPG ทั้งสามกลุ่มและธุรกิจ Peet’s ชดเชยด้วยยอดขายที่ลดลงในธุรกิจกลุ่ม Out-of-Home เมื่อรวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและการเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้องแล้ว adjusted EBIT เพิ่มขึ้น 9.1%

กำไรพื้นฐานซึ่งไม่รวมรายการที่ไม่เกิดขึ้นเป็นประจำ (non-recurring items) เพิ่มขึ้น 12.0% มาอยู่ที่ 393 ล้านยูโร โดยเป็นผลจากกำไรจากการดำเนินงานที่สูงขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งชดเชยด้วยการเก็บภาษีที่สูงขึ้น กระแสเงินสดสุทธิมูลค่า 402 ล้านยูโรประกอบด้วยต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกและรายการทรัพย์สินที่สูงขึ้นของพัสดุที่มีความจำเป็นต้องใช้เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินการต่อได้ท่ามกลางวิกฤต COVID-19

อัตราส่วนหนี้สินสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 3.4 เท่าของกำไรที่ปรับภาษีแล้วจาก 4.2 เท่า ณ สิ้นสุดปีงบประมาณ 62 เราได้แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องต่อเป้าหมายในการลดอัตราหนี้ของเรา และเรายังอยู่ในทิศทางที่จะลดอัตราหนี้ให้ต่ำกว่า 3.0 เท่าภายในสิ้นสุดครึ่งปีแรกของปี 64

สภาพคล่องของเรายังคงแข็งแกร่ง โดยมีเงินหมุนเวียน 1,222 ล้านยูโร ซึ่งประกอบด้วยเงินสด 504 ล้านยูโร และวงเงิน RCF ที่ยังไม่ได้เบิกใช้ 718 ล้านยูโร

สรุปด้านการเงินในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 แบ่งตามกลุ่มธุรกิจ

หน่วนเป็นล้านยูโร

ยอดขาย

การเติบโต

การเติบโต

Adj. EBIT

การเติบโต

(ยกเว้นระบุไว้เป็นอย่างอื่น)

ครึ่งปี 63

ที่แท้จริง

ที่รายงาน

ครึ่งปี 63

ที่แท้จริง

การเติบโต

CPG Europe

1,652

4.7

%

3.7

%

558

16.3

%

15.8

%

CPG LARMEA

492

6.3

%

-3.1

%

109

34.4

%

25.3

%

CPG APAC

308

0.1

%

-1.1

%

69

74.4

%

64.3

%

Peet's

435

-0.8

%

1.8

%

50

18.2

%

28.2

%

Out of Home

336

-29.5

%

-29.8

%

(8

)

n.a.

n.a.

JDE Peet's1 ทั้งหมด

3,236

-1.1

%

-2.9

%

642

10.5

%

9.1

%

รวมยอดขาย 13 ล้านยูโรและกำไรหลังหักภาษี (136) ล้านยูโรที่ไม่ได้จัดสรรในกลุ่ม

ธุรกิจ CPG ในยุโรป

การเติบโตที่แท้จริงประกอบด้วยการเติบโตเชิงปริมาณ/ผสม 5.2% ซึ่งส่วนหนึ่งชดเชยด้วยผลกระทบทางราคาที่ลดลง 0.5% ผลกระทบเชิงปริมาณ/ผสมในทางบวกโดยหลักแล้วขับเคลื่อนด้วยความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของธุรกิจเมล็ดกาแฟและกาแฟแคปซูล รวมถึงการบริโภคในครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคในช่วงที่มีการล็อคดาวน์ระหว่างการแพร่ระบาดของ COVID-19 ยอดขายที่รายงานเพิ่มขึ้น 3.7% มาอยู่ที่ 1,652 ล้านยูโร ซึ่งรวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ลดลง 1.0% โดยมีสาเหตุหลัก ๆ จากการอ่อนตัวของค่าเงินโครนนอร์เวย์และซวอตีโปแลนด์ กำไรหลังทำการปรับภาษีเพิ่มขึ้น 16.3% มาอยู่ที่ 558 ล้านยูโรในครึ่งปีแรกของปี 63 เป็นผลจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นและค่าใช้จ่ายที่ลดลงระหว่างวิกฤต COVID-19

ธุรกิจ CPG ในประเทศกลุ่มลาตินอเมริกา รัสเซีย ตะวันออกกลางและแอฟริกา

การเติบโตที่แท้จริงขับเคลื่อนด้วยการเติบโตเชิงปริมาณ/ผสม ที่ 7.0% ซึ่งมีการชดเชยเล็กน้อยจากผลกระทบทางราคาที่ลดลง 0.8% ผลกระทบเชิงปริมาณ/ผสม โดยหลักเกิดจากการเติบโตที่แข็งแรงอย่างต่อเนื่องในธุรกิจกลุ่มกาแฟแคปซูลและกาแฟสำเร็จรูปแบบฟรีซดราย สำหรับยอดขายที่รายงานลดลง 3.1% เหลือ 492 ล้านยูโร ซึ่งประกอบด้วยผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ลดลง 9.4% อันมีสาเหตุหลักมาจากการอ่อนค่าลงของเงินสกุลเรอัลของบราซิล รูเบิลของรัสเซีย ลีราของตุรกี แรนด์ของแอฟริกาใต้ กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีที่ได้ทำการปรับภาษีแล้วเพิ่มขึ้น 34.4% มาอยู่ที่ 109 ล้านยูโรในครึ่งปีแรกของปี 63 โดยหลักมีสาเหตุจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นและค่าใช้จ่ายที่ลดลง

ธุรกิจ CPG ในเอเชียแปซิฟิก

การเติบโตที่แท้จริงประกอบด้วยผลกระทบเชิงปริมาณ/ผสมที่ลดลง 0.2% ชดเชยโดยผลกระทบทางราคาในทิศทางบวกที่ 0.3% ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และจีนมีการเติบโตของสินค้ากลุ่ม in-home ที่แข็งแกร่งระหว่างที่เกิดวิกฤต COVID-19 ขณะที่ธุรกิจกลุ่ม away-from-home ต้องเผชิญกับความท้าทายระหว่างที่มีการล็อคดาวน์ในช่วงของการแพร่ระบาดของ COVID-19 ยอดขายที่รายงานลดลง 1.1% มาอยู่ที่ 308 ล้านยูโร ซึ่งรวมถึงผลกระทบในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ลดลง 1.2% อันมีสาเหตุจากการอ่อนค่าของเงินสกุลดอลลาร์ออสเตรเลีย ดอลลาร์นิวซีแลนด์ และดอลลาร์สิงคโปร์ กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีที่ได้ทำการปรับภาษีแล้วเพิ่ม 74.4% มาอยู่ที่ 69 ล้านยูโรในครึ่งปีแรกของปี 63 โดยหลักแล้วเป็นผลจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจและค่าใช้จ่ายที่เทียบเคียงได้ลดลง

ธุรกิจ Peet’s

การเติบโตที่แท้จริงประกอบด้วยผลเชิงปริมาณ/ผสมที่ลดลง -4.1% และผลกระทบทางราคาที่ 3.4% ธุรกิจกลุ่ม CPG ภายใต้การดำเนินงานของ Peet ทำกำไรที่เติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก โดยหลักแล้วเป็นผลมาจากการบริโภคที่เปลี่ยนจากภายนอกมาเป็นการบริโภคภายในบ้าน รวมถึงความนิยมที่สูงขึ้นของผลิตภัณฑ์เมล็ดกาแฟ กาแฟคั่วบด และกาแฟแคปซูลเกรดพรีเมียมของ Peet’s ยอดขายในธุรกิจร้านกาแฟและธุรกิจกลุ่ม away-from-home ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการล็อคดาวน์ในช่วง COVID-19 ในช่วงท้ายของเดือนมิถุนายน ร้านกาแฟส่วนใหญ่กลับมาให้บริการโดยให้บริการเฉพาะซื้อกลับมา บริการจัดส่ง และจำกัดพื้นที่นั่งภายในร้าน กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีที่ได้ทำการปรับภาษีแล้วเพิ่มขึ้น 18.2% มาอยู่ที่ 50 ล้านยูโรในช่วงครึ่งแรกของปี 63 โดยหลัก ๆ เป็นผลมาจากการเติบโตของธุรกิจ CPG และการเปลี่ยนผ่านจากธุรกิจกาแฟพร้อมดื่มไปสู่การเซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรกับ Keurig Dr. Pepper

ธุรกิจ Out-of-Home

ยอดขายที่แท้จริงลดลงจากการที่การเติบโตเชิงปริมาณ/ผสมลดลง 27.3% และได้รับผลกระทบทางราคาที่ลดลง 2.1% ธุรกิจกลุ่ม Out-of-Home ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของ COVID-19 ซึ่งเป็นผลให้ช่องทางจำหน่ายสินค้าให้กับลูกค้า ได้แก่สำนักงาน สถานศึกษา ธุรกิจประเภทบาร์ ร้านอาหารและคาเฟ ธุรกิจกลุ่มเดินทางและท่องเที่ยวต้องถูกปิดลง การบริการที่จำกัดยังเดินหน้าต่อในร้านกาแฟของเราที่สามารถทำได้พร้อมกับการบริการแบบเดลิเวอรี ธุรกิจโดยรวม ในเดือนเมษายนและพฤษภาคมส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากข้อบังคบเกี่ยวกับการล็อคดาวน์ อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นมาเมื่อข้อบังคับต่าง ๆ เริ่มมีการยกเลิกในหลาย ๆ ตลาด เราเห็นการฟื้นตัวที่ดี ยอดขายที่รายงานลดลง 29.8% มาอยู่ที่ 336 ล้านยูโร ประกอบด้วยผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนที่ลดลง 1.0% และการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง 0.7% กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีที่ได้ทำการปรับภาษีแล้วลดลงจาก 89 ล้านยูโรในช่วงครึ่งแรกของปี 62 มาอยู่ที่ (8) ล้านยูโรในปี 63 เนื่องจากยอดขายที่ลดลง เราได้จัดให้มีการอนุญาตให้ลาพักงานและการให้พนักงานหยุดงานชั่วคราวเพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านแรงงานและการดำเนินงาน การลดค่าใช้จ่ายด้านการดำเนินงานชดเชยด้วยประมาณการหนี้เสีย

ข้อมูลอื่น ๆ

การเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกเสร็จสมบูรณ์

เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2563 บริษัทได้จดทะเบียนเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ยูโรเน็กซต์อัมสเตอร์ดัม

กำไรพื้นฐานในช่วงเวลา

หน่วยเป็นล้านยูโร

ครึ่งแรกของปี 63

ครึ่งแรกของปี 62

EBIT ที่ทำการปรับภาษีแล้ว

642

588

รายรับ (รายจ่าย) สุทธิ

(122

)

(133

)

หลังปรับภาษีแล้ว

(127

)

(103

)

รายรับหลังหาภาษีแล้วจากบริษัทในเครือและบริษัทคู่ค้า

0

(1

)

กำไรพื้นฐานในช่วงเวลา

393

351

การประชุมทางไกลผ่านโทรศัพท์และเว็บคาสต์

Casey Keller (ซีอีโอ) และ Scott Gray (CFO) จะจัดประชุมทางไกลผ่านโทรศัพท์ให้กับนักวิเคราะห์และนักงทุนสถาบันในเวลา 10:00 น. (ตามเวลามาตรฐานยุโรปกลาง) ของวันนี้เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับผลการดำเนินงานในครึ่งแรกของปี 2563 เว็บคาสต์เสียงสนทนาสดขณะประชุมจะทำการเผยแพร่ทางเว็บไซต์นักลงทุนสัมพันธ์ของ JDE Peet’s ต่อไป

เกี่ยวกับ JDE Peet’s

JDE Peet’s เป็นกลุ่มผู้ผลิตกาแฟและชาที่ใหญ่ที่สุดในโลกในแง่ของรายได้ โดยเป็นผู้ให้บริการ โดยเมื่อสิ้นสุดปีงบประมาณ 31 ธันวาคม 2562 (“FY”) ได้เสิร์ฟกาแฟและชาไปราว 130 พันล้านถ้วยในประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศที่กำลังโตใหม่กว่า 100 ประเทศ ด้วยพอร์ตฟอลิโอสินค้าที่ประกอบด้วยแบรนด์กาแฟและชาระดับโลก ภูมิภาค และท้องถิ่นกว่า 50 แบรนด์ JDE Peet’s จึงมีผลิตภัณฑ์กาแฟและชาคุณภาพสูงและทันสมัยที่ครอบคลุม และโซลูชันต่าง ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั่วทั้งตลาด รวมถึงความชอบของลูกค้า และระดับราคาอีกด้วย ในปีงบประมาณ 2562 JDE Peet’s มียอดขายรวมทั้งหมด 6.9 พันล้านยูโร และมีพนักงานทั่วโลกเฉลี่ยที่ 21,255 คน กลุ่มสินค้าระดับของ JDE Peet’s ประกอบด้วย Jacobs, Peet’s, L’OR, Senseo, Tassimo และ Ti Ora สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ www.JDEPeets.com

ข้อมูลสำคัญ

ระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการปั่นตลาด (Market Abuse Regulation)

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยข้อมูลภายใต้ความหมายของมาตรา 7(1) ในระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการปั่นตลาดของสหภาพยุโรป

การรายงาน

รายงานทางบัญชีประจำปีของ JDE Peet’s N.V. (บริษัท) และบริษัทลูก (กลุ่มบริษัท) ทำขึ้นภายใต้มาตรฐานการรายงานทางการเงินระหว่างประเทศที่ใช้ในสหภาพยุโรป (IFRS) ในการจัดทำข้อมูลทางการเงินในรายงานเหล่านี้ ยกเว้นที่อธิบายไว้เป็นอย่างอื่น ใช้หลักการบัญชีเดียวกันกับที่ใช้ในงบการเงินรวมของกลุ่มบริษัท ณ วันที่ และสำหรับวันสิ้นสุดปีเมื่อ 31 ธันวาคม 2562 และหมายเหตุที่เกี่ยวข้อง ตัวเลขทั้งหมดที่ปรากฏยังไม่ได้รับการตรวจสอบบัญชี ตัวเลขทางการเงินที่แสดงในรายงานเหล่านี้ส่วนใหญ่มีหน่วยเป็นล้านยูโร ตัวเลขเฉพาะที่แสดงในรายงานเหล่านี้ ได้แก่ ข้อมูลทางการเงิน มีการปัดเศษแล้ว ในตาราง จำนวนที่เป็นลบจะแสดงในวงเล็บ หรือแสดงโดยใช้สัญลักษณ์ "-" หรือมีคำว่า "negative" อยู่หน้าตัวเลข

การรายงานที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินระหว่างประเทศ (Non-IFRS Measures)

รายงานนี้ประกอบด้วยเนื้อหาที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินระหว่างประเทศ (Non-IFRS Measures) ซึ่งไม่ใช่ผลทางด้านสภาพคล่องและการดำเนินงานภายใต้มาตรฐานการรายงานทางการเงินระหว่างประเทศ (IFRS) การรายงานตัวเลขตามแนวทาง Non-IFRS เป็นการรายงานเพิ่มเติมจากตัวเลขที่รายงานตามมาตรฐานดังกล่าว การใช้แนวทาง Non-IFRS ของกลุ่มบริษัทอาจมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญจากการใช้แนวทางเดียวกันนี้โดยบริษัทอื่น ๆ ในอุตสาหกรรม แนวทางที่ใช้ไม่ควรถือเป็นทางเลือกในการหากำไร(ขาดทุน) รายได้ หรือผลการดำเนินงานอื่น ๆ แทนแนวทางที่ใช้ใน IFRS หรือเป็นเป็นตัวชี้วัดสภาพคล่องแทนยอดเงินสดสุทธิจากกิจกรรมการดำเนินงาน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรายงานที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินระหว่างประเทศ โปรดดูที่หัวข้อ "Non-IFRS Measures" ในรายงานทางการเงินของกลุ่มในช่วงหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2563

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคต

รายงานนี้ประกอบด้วยข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคตตามที่ระบุในกฎหมายปฏิรูปการฟ้องร้องคดีหลักทรัพย์ส่วนบุคคลปี 2538 (Private Securities Litigation Reform Act of 1995) ของสหรัฐอเมริกา เกี่ยวกับเงื่อนไขทางการเงิน ผลการดำเนินงานและธุรกิจของกลุ่ม ข้อความที่เป็นการคาดการณ์ในอนาคตเหล่านี้และข้อความอื่น ๆ ในรายงานนี้ที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในอดีตเป็นการคาดการณ์ทั้งสิ้น ไม่มีการรับประกันใด ๆ ว่าจะผลลัพธ์เหล่านั้นจะเกิดขึ้นจริงในอนาคต เหตุการณ์หรือผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นจริงอาจแตกต่างจากการคาดการณ์อย่างมากอันเป็นผลจากความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่กลุ่มต้องเผชิญ ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนเหล่านั้นอาจส่งผลให้ผลที่เกิดขึ้นจริงแตกต่างออกไปอย่างมากจากผลการดำเนินงานอนาคตที่บ่งชี้ แสดง หรือบอกอย่างเป็นนัยในข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคตเหล่านั้น ทั้งนี้ มีปัจจัยสำคัญหลายประการที่อาจทำให้ผลการดำเนินงานที่แท้จริงของกลุ่มบิดเบือนไปจากที่คาดการณ์ไว้มาก ซึ่งรวมถึง (แต่ไม่จำกัดเฉพาะ) (a) ความกดดันจากการแข่งขันและความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับแนวโน้มและความชอบของผู้บริโภค และมุมมองของผู้บริโภคต่อแบรนด์ (b) ความผันผวนของต้นทุนเมล็ดกาแฟ รวมถึงเมล็ดกาแฟอราบิกาเกรดพรีเมียม ชา หรือสินค้าอื่น ๆ และความสามารถในการจัดหาวัตถุดิบที่เป็นกาแฟและชาที่มีคุณภาพและมีความยั่งยืนให้ได้อย่างเพียงพอ (c) เงื่อนไขทางเศรษฐกิจและการเงินในระดับโลกและภูมิภาค รวมถึงเงื่อนไขทางการเมืองและธุรกิจหรือเงื่อนไขอื่น ๆ ที่เกิดขึ้น (d) การหยุดชะงักในการผลิตและศูนย์กระจายสินค้าของกลุ่ม (e) ความสามารถของกลุ่มในการสร้างนวัตกรรม พัฒนา และเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ และการขยายผลิตภัณฑ์ได้สำเร็จ และการทำตลาดของผลิตภัณฑ์ปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ (f) ข้อเท็จจริงหรือข้อกล่าวอ้างเกี่ยวกับการไม่สามารถปฏิบัติตามกฎหมายหรือระเบียบข้อบังคับ และข้ออ้างทางกฎหมายใด ๆ หรือการสอบสวนโดยรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของกลุ่ม (g) ปัญหาที่เกี่ยวกับการเข้าซื้อและควบรวมกิจการ (h) การสูญเสียผู้บริหารระดับสูงและบุคลากรสำคัญอื่น ๆ และ (i) การเปลี่ยนแปลงในกฎหมายหรือข้อบังคับด้านสิ่งแวดล้อมที่บังคับใช้ ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคตในรายงานเหล่านี้เป็นการกล่าวถึง ณ วันที่เผยแพร่เท่านั้น กลุ่มไม่มีข้อผูกพัน (และปฏิเสธความรับผิดชอบใด ๆ) ต่อภาระในการปรับปรุงหรือแก้ไขข้อความที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าให้เป็นปัจจุบันตามสถานการณ์หรือเหตุการณ์หลังการเผยแพร่ของรายงานนี้ หรือให้เป็นไปตามการเกิดขึ้นของเหตุการณ์ที่ไม่มีการคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า กลุ่มไม่สามารถรับประกันได้ว่าข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคตนี้จะเกิดขึ้นจริง และนักลงทุนจึงควรระมัดระวังและไม่เชื่อมั่นในข้อความเหล่านี้จนเกินไป รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเสี่ยงและความไม่แน่นนอนที่อาจเกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อกลุ่มได้มีการรวบรวมไว้ในเอกสารของบริษัทที่ยื่นต่อคณะกรรมการตลาดการเงินของเนเธอร์แลนด์ (Stichting Autoriteit Financiële Markten)

ตลาดและข้อมูลอุตสาหกรรม

การอ้างอิงทั้งหมดถึงการคาดการณ์อุตสาหกรรม สถิติอุตสาหกรรม ข้อมูลการตลาดและส่วนแบ่งการตลาดในเอกสารเหล่านี้ประกอบด้วยการประเมินที่รวบรวมโดยนักวิเคราะห์ คู่แข่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมและองค์กร ข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะ หรือการประเมินด้านการตลาดและการขายของกลุ่มเอง อันดับจะขึ้นอยู่กับรายได้ เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น

ไม่มีข้อเสนอ

เอกสารเหล่านี้ไม่มีจุดประสงค์ในการเสนอขาย หรือการออกหรือชักชวนให้เสนอซื้อ หรือสมัครสมาชิกหลักทรัพย์ใด ๆ ในเขตอำนาจศาลใด ๆ

การรายงานที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินระหว่างประเทศ

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยเนื้อหาที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินระหว่างประเทศ (Non-IFRS Measures) ซึ่งไม่ใช่ผลทางด้านสภาพคล่องและการดำเนินงานภายใต้มาตรฐานการรายงานทางการเงินระหว่างประเทศ (IFRS) การรายงานตัวเลขตามแนวทาง Non-IFRS เป็นการรายงานเพิ่มเติมจากตัวเลขที่รายงานตามมาตรฐานดังกล่าว

EBITDA ที่ปรับปรุงแล้ว

EBITDA ที่ปรับปรุงแล้ว คือ กำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายที่ปรับปรุงด้วยปัจจัยเดียวกับที่ระบุไว้ภายใต้ EBIT ที่ปรับปรุงแล้ว

ภาษีที่ปรับปรุงแล้ว

ภาษีที่ปรับปรุงแล้ว คือ ภาษีที่ปรับปรุงสำหรับผลกระทบของรายการที่ไม่เกิดขึ้นเป็นประจำ ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายที่ไม่สามารถหักได้และการเปลี่ยนแปลงในการขอคืนภาษี และการรับรู้สินทรัพย์ภาษีเงินได้รอตัดบัญชี

อัตราส่วนหนี้สินสุทธิ

อัตราส่วนหนี้สินสุทธิ คือ หนี้สินสุทธิหารด้วย EBITDA ที่ปรับปรุงแล้วในช่วงสิบสองเดือนที่ผ่านมา

EBIT จริงที่ปรับปรุงแล้ว

EBIT จริงที่ปรับปรุงแล้วจะถูกคำนวณ ณ อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยของปีก่อนหน้า และปรับตามการเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้อง (a.o. M&A and divestures) การคำนวณค่า EBIT จริงที่ปรับแล้วในปีที่กำหนด ค่านั้นจะถูกคำนวณ ณ อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยของปีที่เทียบเคียง และไม่รวม EBIT ที่ปรับแล้วจากบริษัทที่เข้าซื้อ/ขายออกในช่วง 12 เดือนนับตั้งแต่วันที่ทำธุรกรรม

ยอดขายที่แท้จริง

ยอดขายที่แท้จริงคือรายได้ที่ถูกคำนวณ ณ อัตราแลกเปลี่ยนของปีก่อนหน้าและมีการปรับตามการเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้อง (a.o. M&A and divestures) การหายอดขายที่แท้จริงในปีที่กำหนด ยอดขายในปีนั้นจะถูกคำนวณ ณ อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยของปีที่เทียบเคียง และไม่รวมรายได้จากบริษัทที่เข้าซื้อ/ขายออกในช่วง 12 เดือนนับตั้งแต่วันที่ทำธุรกรรม

การเติบโตของยอดขายที่แท้จริง

การเติบโตของยอดขายที่แท้จริง คือ การเติบโตของยอดขายที่แท้จริงระหว่างปีที่กำหนดและเทียบเคียง

กำไรพื้นฐาน

กำไรพื้นฐาน คือรายได้ก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีที่ทำการปรับภาษีแล้ว ณ ช่วงเวลานั้น ได้แก่รายรับและรายจ่ายทางการเงิน ภาษีที่ปรับปรุงแล้ว และรายได้ที่ได้รับการปรับปรุงจากบริษัทในเครือและคู่ค้า

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20200803005830/en/

สื่อ
Michael Orr
Media@JDEPeets.com

นักลงทุน & นักวิเคราะห์
Robin Jansen
+31 6 1594 4569
Robin.Jansen@JDEcoffee.com